วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559

จริงหรือไม่? อาบน้ำผิดวิธี เสี่ยงเส้นเลือดในสมองแตกในห้องน้ำ

             จริงหรือไม่? อาบน้ำผิดวิธี
      เสี่ยงเส้นเลือดในสมองแตกในห้องน้ำ




โรคเส้นเลือดในสมอง มีสาเหตุมาจากอะไร?
โรคเส้นเลือดในสมอง มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของหลอดเลือดในสมอง ที่ทำให้สมองอยู่ในภาวะขาดเลือด โดยอาจเกิดจากการที่หลอดเลือดสมองตีบ หรืออุดตัน จากการที่มีลิ่มเลือดขนาดใหญ่ หรือไขมันที่สะสมเป็นเวลานาน เข้าไปขวางการไหลเวียนของเลือดที่จะเข้าไปเลี้ยงสมอง
และอาจเกิดจากหลอดเลือดสมองปริแตก หรือฉีกขาด เพราะหลอดเลือดสมองอาจมีความเปราะบาง ซึ่งมักมีอาการร่วมกับภาวะความดันโลหิตสูง หรืออาจมีการสะสมของไขมันในหลอดเลือด จนทำให้มีปริมาณของเลือดที่เข้าไปเลี้ยงสมองน้อยลงอย่างฉับพลัน จนเกิดอาการเลือดออกในสมอง และเสียชีวิตในเวลาอันรวดเร็วได้
โรคเส้นเลือดในสมองแตก มีปัจจัยเสี่ยงอะไรบ้าง?
1. อายุที่มากขึ้น อาจทำให้เส้นเลือดในสมองขาดความยืดหยุ่น และผิวชั้นในของหลอดเลือดอาจเกิดการสะสมของไขมันและหินปูน จึงทำให้เลือดไหลเวียนได้ยากลำบากมากยิ่งขึ้น
2. ความดันโลหิตสูง ทำให้เส้นเลือดในสมองแตกได้
3. โรคเบาหวาน เป็นสาเหตุที่ทำให้หลอดเลือดทั่วร่างกายแข็งตัวมากกว่าเดิม ขาดความยืดหยุ่น
4. ไขมันในเลือดสูง เพราะไขมันเป็นตัวการที่เข้าไปขวางการเดินทาง และการไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดเดินทางไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง
5. โรคหัวใจ เมื่อหัวใจทำงานผิดปกติ เช่น เป็นโรคลิ้นหัวใจผิดปกติ หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจทำให้เกิดลิ่มเลือดที่เข้าไปวางการไหลเวียนของเลือดในเส้นเลือดได้
6. การสูบบุหรี่ เพราะสารนิโคติน แ ละคาร์บอนมอนอกไซด์จะทำให้ปริมาณออกซิเจนในร่างกาย รวมไปถึงสมองลดลง และทำลายผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแข็งตัว
7. ความเครียด และการขาดการออกกำลังกาย

โรคเส้นเลือดในสมองแตก มีอาการอย่างไร?
- ทรงตัวได้ไม่ดี เดินเซ
- เกิดอาการชา หรืออ่อนแรงที่บริเวณหน้า หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย
- พูดไม่ชัด ปากเบี้ยว น้ำลายไหล บังคับริมฝีปากไม่ได้
- ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ
- ตามัว มองเห็นภาพซ้อน หรือเห็นภาพไม่ชัด หรืออาจมองไม่เห็นไปบางส่วน
                 ดังนั้นถึงแม้ว่าการอาบน้ำจากศีรษะก่อน จะไม่ใช้สาเหตุของอาการเส้นเลือดในสมองแตก แต่อย่างไรหากไม่อยากแนโรคนี้ ควรควบคุมอาหารให้มีปริมาณไขมันไม่ดีน้อยลง ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และทำจิตใจใหสบาย ไม่เครียด เท่านี้ก็ห่างไกลได้สารพัดโรคแล้ว

วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ระวัง! 5 อาหารเช้า
ยิ่งทานบ่อย ยิ่งทำร้ายสุขภาพ

1. นม
บางคนอาจจะเคยได้ยินว่า นมไม่ควรทานตอนท้องว่าง เป็นเรื่องที่เข้าใจถูกแล้วล่ะค่ะ เพราะหากเราดื่มนมตอนท้องว่าง อาจทำให้ท้องอืดได้ หรือในบางคนยังอาจทำให้มีอาการปวดท้อง ท้องเดิน ท้องเสียได้อีกด้วย วิธีแก้ก็ง่ายๆ ห้ามดื่มนมเพียวๆ เพียงอย่างเดียว ทานควบคู่ไปกับอาหารอื่น โดยทานอาหานเข้าไปก่อน แล้วค่อยตามด้วยนม เท่านี้ก็ช่วยได้มากแล้วค่ะ แต่หากใครที่มีปัญหากับการดื่มนมจริงๆ อาจหมายถึงน้ำย่อยในกระเพาะอาหารของคุณไม่สามารถย่อยนมได้ อาจจะลองพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอย่างละเอียดอีกครั้ง
2. ไส้กรอก แฮม เบคอน
เรามักจะเห็นอาหารเหล่านี้อยู่ในบาร์อาหารแบบ อเมริกัน เบรกฟาสต์ หรืออาหารเช้าแบบอเมริกันนั่นเอง อย่างที่หลายคนทราบกันว่าเอาเข้าจริงแล้ว อาหารเหล่านี้ไม่ได้มีสารอาหารที่ดีต่อร่างกายนัก หากนานๆ ทานครั้งหนึ่งก็ไม่เป็นอะไร แต่หากทานอย่างเดิมบ่อยๆ แล้วไม่มีอาหารอื่นควบคู่ไปด้วย นั่นหมายถึงเราได้รับสารอาหารในตอนเช้าแค่แป้ง โปรตีนที่ไม่ได้คุณภาพ และไขมันเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ควรทานบ่อย หรือเมื่อไรที่ทานไส้กรอก แฮม เบคอน ควรทานควบคู่กับคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และเกลือแร่จากผักสดๆ ด้วย
3. ขนมปังทาช็อคโกแลต
บ้านใครที่มีเด็กเล็ก เด็กวัยรุ่น หรือเป็นครอบครัวที่ชอบทานช็อคโกแลต คงจะมีช็อคโกแลตสเปรดติดบ้านไว้กระปุกใหญ่ๆ ทาขนมปัง แล้วทาน อิ่มอร่อยถูกใจคุณหนูๆ แต่สารอาหารที่จะได้ มีเพียงแป้งและน้ำตาลเท่านั้น ดังนั้นเราแนะนำให้นานๆ ทานครั้งหนึ่ง หรือทานควบคู่ไปกับสเต็ก ไข่ดาว หรือสลัดผัก
4. ซีเรียล
อาหารเช้าง่ายๆ สไตล์ตะวันตก ที่สามารถทานได้ อิ่มเร็วภายในไม่กี่นาที แต่แพทย์ค้นพบว่าในซีเรียล โดยเฉพาะซีเรียลของเด็ก มีแต่แป้งและน้ำตาล สารอาหารแบบโฮลเกรน หรือธัญพืชต่างๆ มีปริมาณน้อยมาก นอกจากนั้นยังไม่ครบ 5 หมู่อีกด้วย ดังนั้นขอให้ซีเรียลเป็นเพียงตัวเลือกลำดับท้ายๆ ในวันที่รีบ
5. ปาท่องโก๋ จิ้มนมข้น
ผู้ใหญ่หลายคนเลือกทานปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้ น้ำเต้าหู้เป็นอาหารเช้าที่ดี และควรทานคู่กับอาหารอื่นๆ เช่น แป้ง แต่ตัวปาท่องโก๋เองเป็นแป้งที่ชุ่มน้ำมัน (ที่ไม่ดี หากเป็นน้ำมันหมูที่ทอดนานๆ แล้วไม่ค่อยได้เปลี่ยน) แถมยังทำร้ายตัวเองหนักเข้าไปอีกด้วยการทานคู่กับนมข้นหวาน ที่ไม่ได้มีอะไรมากเลยนอกจากน้ำตาล ซึ่งจะทำให้เราหิวเร็วมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้สิ่งที่ขาดหายไปก็คือ เกลือแร่และวิตามิน จากผักและผลไม้นั่นเอง ดังนั้นนานๆ ทานทีดีกว่านะคะ

จะเห็นได้ว่ามื้อเช้าที่สะดวก รวดเร็ว หาทานได้ง่ายของคนไทยหลายคน ขาดเกลือแร่และวิตามินอยู่ตลอด ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดี เพราะทำให้เราได้รับสารอาหารในตอนเช้าที่ไม่เพียงพอ อาจทำให้เรามีเช้าที่ไม่สดใส ไม่กระปรี้กระเปร่า ไปได้ ดังนั้นควรหันมาทานอาหารเช้าที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่อย่าง ต้มเลือดหมู โจ๊ก ข้ามต้ม แซนวิช (ใส่ผัก) หรือกับข้าวง่ายๆ อย่าง ข้าวกับแกงจืดผักกาดขาวเต้าหู้หมูสับ เท่านี้ก็อิ่มอร่อย ไม่ทำลายสุขภาพแล้วล่ะค่ะ

6 อาหารเพื่อสุขภาพ

กินลดน้ำหนักได้ผล ดีแบบนี้จะพลาดได้ไง


6 อาหารเพื่อสุขภาพ กินลดน้ำหนักได้ผล ดีแบบนี้จะพลาดได้ไง

1.ข้าวโอ๊ต
อาหารประเภทธัญพืชที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและเบาหวาน อีกทั้งยังเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการสูง เหมาะสำหรับรับประทานเป็นอาหารเช้ายิ่งนัก เพราะมากไปด้วย
ไฟเบอร์ สาวๆ คนไหนที่ต้องการทานข้าวโอ๊ตเป็นอาหารลดน้ำหนัก บอกเลยได้ผลแน่นอน
6 อาหารเพื่อสุขภาพ กินลดน้ำหนักได้ผล ดีแบบนี้จะพลาดได้ไง
2.ปลาแซลมอน
ปลาแซลมอน เป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า-3 วิตามินดี และยังมีกรดไขมันจำเป็นที่จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้ นอกจากนี้ ยังช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจ บำรุงผิว ช่วยแก้โรคไขข้อ ดีต่อการลดน้ำหนัก และช่วยบำรุงสมอง ที่สำคัญยังเป็นอาหารแคลอรีต่ำ ดังนั้น สาวๆ คนไหนที่กำลังลดน้ำหนัก จึงต้องหมั่นกินปลาแซลมอนเป็นประจำ
6 อาหารเพื่อสุขภาพ กินลดน้ำหนักได้ผล ดีแบบนี้จะพลาดได้ไง
3.อะโวคาโด
อะโวคาโด เป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมอย่างมากทีเดียว แถมยังกินลดน้ำหนักได้ดี เพราะอะโวคาโดเปี่ยมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูง ช่วยไล่ไขมันเลวและเพิ่มปริมาณไขมันดีต่อร่างกาย ยังมีวิตามินอี โฟเลท และโพแทสเซียมที่ดีต่อสุขภาพ นอกจากนี้ ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและตาบอด และหากสาวๆ คนไหนอยากหุ่นสวย อย่าลืมหั่นใส่จานสลัดบ่อยๆ 
6 อาหารเพื่อสุขภาพ กินลดน้ำหนักได้ผล ดีแบบนี้จะพลาดได้ไง
4.น้ำมันมะกอก
น้ำมันจากธรรมชาติที่จัดว่าเป็นเครื่องปรุงชั้นดี โดยจะช่วยดูแลรักษาสุขภาพหัวใจ เนื่องจากมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวและยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ส่งผลในด้านการป้องกันโรคหัวใจและโรคอัลไซเมอร์ได้อย่างโดยตรง เพราะฉะนั้น ใครที่กำลังมองอาหารเพื่อสุขภาพมารับประทาน แนะนำเลยค่ะว่าการทำอาหารโดยเลือกใช้น้ำมันมะกอกมาเป็นหนึ่งในการปรุง นอกจากจะช่วยให้อาหารอร่อยแล้ว ยังช่วยให้การดูดซึมของสารเบต้าแคโรทีนเป็นไปได้ดีขึ้น แถมยังปลอดภัยต่อสาวๆ ที่กำลังไดเอทสุดๆ
Image result for นม
5.นม
นมเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยแคลเซียมที่ไม่ทำให้อ้วน แต่จะต้องเลือกดื่มนมพร่องมันเนยเท่านั้นนะคะ โดยเฉพาะผู้สูงอายุยิ่งควรดื่มนมให้มาก เพราะจะช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนและโรคที่เกิดเกี่ยวกับไขข้อต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
6 อาหารเพื่อสุขภาพ กินลดน้ำหนักได้ผล ดีแบบนี้จะพลาดได้ไง
6.ไข่
ไข่ เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ให้โปรตีนที่ดีที่สุด และยังมีโคลีน วิตามิน แร่ธาตุต่างๆ รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระ โดยจะช่วยป้องกันความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็งทรวงอก และโรคทางประสาทตาได้เป็นอย่างดี สำหรับใครที่ไม่อยากกินไข่เพราะเชื่อว่าไข่มีคอเลสเตอรอลสูง อันที่จริงแล้ว การกินไข่เพียง 1 ฟองต่อวันกลับสามารถช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย และช่วยบำรุงผิวและผมในตัวได้อีกด้วย อย่างไรก็ดี ในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ แนะนำให้กินไข่เพียงสัปดาห์ละ 2 ฟองก็เพียงพอแล้ว

วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เครื่องมือที่ใช้ในการจัดการความรู้


องค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศคอมพิวเตอร์


ปิรามิดแห่งการเรียนรู้ของยามาซากิ


เทคโนโลยีทางการศึกษา


ข้อมูลและสารสนเทศ


การจัดการความรู้


วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2559

วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ท่าออกกำลังกาย

       5 ท่าออกกำลังกายฟิตกระชับเอว
        ห่วงหนาๆ ปีกนุ่มๆ จงหายไปซะ!

5 ท่าออกกำลังกายฟิตกระชับเอว ห่วงหนาๆ ปีกนุ่มๆ จงหายไปซะ!
ใครอยากพุงราบ เอวคอด ใส่ชุดชั้นในแล้วไม่มีติ่งปีก มาทางนี้เลย เพราะ Sanook! Health รวบรวมท่าออกกำลังกายง่ายๆ ทำได้เองที่บ้าน มาช่วยคุณสาวๆ หนุ่มๆ ลดไขมันหน้าท้อง ข้างท้องบริเวณเอวหนาๆ และตรง “ปีก” หรือส่วนที่ใส่ชุดชั้นแล้วเห็นเป็นปล้องๆ ให้แบนราบเรียบ ไร้ไขมันนุ่มๆ มาทำให้ชุดสวยของเราดูไม่น่ามอง ทำอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย!

1. Side Plank Lift
เพียงนอนตะแคง ศอกตั้งฉากกับพื้น ดันตัวขึ้น พยุงตัวเอาไว้ด้วยแขนข้างเดียว แขนอีกข้างเท้าเอว จากนั้นก็ยกเอวขึ้น ยกให้สูงในระดับใกล้เคียงกับไหล่ ค้างไว้ 3-5 วินาที แล้วปล่อยตัวลง ทำแบบนี้เซ็ตละ 10 ครั้ง 2 เซ็ต

2. Side Plank Toe Touch
นอนตะแคงเหมือนเดิม แต่คราวนี้ยืดแขนที่อยู่ติดที่นอนไปด้านหน้า ตั้งแขนให้ตรงในระดับไหล่ แขนอีกข้างยืดไปด้านเหนือศีรษะ  ยืนแขนให้ตรง ลำตัวเหยียดตรง จากนั้นใช้แขนที่นาบกับพื้นดันตัวขึ้น เกร็งหน้าท้อง ยกขาทั้งสองข้างขึ้น ยื่นแขนอีกข้างทำท่าจะแตะนิ้วเท้า (แต่อาจจะไม่ต้องแตะให้ถึงจริงๆ ก็ได้ เอาเท่าที่เราทำไหว) ระหว่างที่ทำอยู่แขนและขาต้องยังเหยียดตรงอยู่เสมอนะคะ ค้างไว้ที่ท่าพยายามแตะเท้า 3-5 วินาที แล้วปล่อยตัวลง ทำแบบนี้เซ็ตละ 10 ครั้ง 2 เซ็ต

3. Crunch Chop
นอนหงาย ถือดัมเบลด้วยมือทั้งสองข้าง ยืดแขนตรง ถือไว้เหนือศรีษะ (อาจจะไม่ใช้ดัมเบลก็ได้ถ้าใครไม่มี หรืออาจจะเป็นขวดน้ำพลาสติกเล็กๆ ก็ได้ค่ะ) ยกขาทั้งสองข้างตั้งตรง ตั้งฉากกับพื้น จากนั้นค่อยๆ แยกขาทั้งสองข้างออกจากกัน  เกร็งหน้าท้อง ยกตัวขึ้น ยื่นแขนที่ถือดัมเบลไปไว้ระหว่างขา ให้มีเพียงส่วนหลังเท่านั้นที่ยังคงสัมผัสพื้นอยู่ ค้างท่านั้น 3-5 วินาทีแล้วกลับสู่ท่าแรก ทำแบบนี้เซ็ตละ 10 ครั้ง 2 เซ็ต

4. Rotating Plank
นอนคว่ำ ดันลำตักขึ้นด้วยแขนทั้งสองข้างที่ตั้งฉากกับพื้น ลำตัวยืดตรง จากนั้นเอียวตัวไปข้างซ้าย ยกแขนข้างซ้ายชี้ฟ้า แขนและขาทั้งสองข้างยังคงเหยียดตรงอยา ค้างท่านั้นไว้ 3-5 วินาที จากนั้นกลับสู่ท่าแรก แล้วเอียงตัวไปทางด้านขวา ยกแขนขวาเหยียดตรง ชี้ขึ้นฟ้า ค้างไว้ 3-5 วินาที แล้วกลับสู่ท่าเดิม เล่นสลับแบบนี้ไปทั้งสองข้าง ทำทั้งหมดข้างละ 10 ครั้งสลับด้านกันไป

5. Down Dog Bend Knee
เกร็งหน้าท้องกันมาเยอะแล้ว เรามายืดตัวกันบ้างดีกว่าค่ะ เริ่มจากนอนคว่ำ เอามือทั้งสองข้างดันลำตัวขึ้น แขนเหยียดตรง งอเข่าข้างหนึ่งให้อยู่ในระดับเอว แต่เข่าไม่แตะพื้น จากนั้นก็ยกข้างไปด้านหลัง ยืดขาให้ตรง ปลายเท้าชี้ขึ้นฟ้า พยายามให้ระดับศีรษะ หลัง และขาเป็นเส้นตรง ขาและแขนทุกข้างยังคงเหยียดตรงอยู่ ค้างไว้ 3-5 นาที แล้วยกขาลง เปลี่ยนข้าง ทำข้างละ 10 ครั้งสลับด้านกันไป

แต่ละท่าไม่กระโชกโฮกฮาก ค่อยๆ ทำทีละขั้นตอนช้าๆ หายใจให้ถูกจังหวะ ถ้าไม่ไหวก็ให้หยุดก่อน หรือสามารถลดจำนวนครั้งในการทำได้สำหรับมือใหม่ แล้วค่อยๆ เพิ่มจำนวนครั้งมากขึ้นหลังจากทำติดต่อกันไปเรื่อยๆ หากใครยังไม่พร้อมที่จะออกไปวิ่งสู้อากาศร้อนข้างนอก ลองออกกำลังกายในบ้านง่ายๆ แบบนี้ดูก็เป็นทางออกที่ดี ได้หน้าท้องแบนราบ กระชับเอกคอด  เนื้อข้างลำตัวหายไป เผลอๆ ยังได้สะโพก ต้นขา ต้นแขนอีกต่างหาก เล่นแล้วเมื่อยเมื่อไร แปลว่าได้ผลแล้วค่ะ สู้ๆ นะคะทุกคน


ภาพประกอบจาก istockphoto

ปวดหัวไหล่ร้าวมาถึงข้อศอก
เสี่ยงเส้นเอ็นฉีกขาด

อาการปวดไหล่ มีได้หลายสาเหตุ อาจเป็นแค่ปวดกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นอักเสบ ไหล่ติด หรือ เอ็นฉีกขาด ก็เป็นได้ สำหรับในผู้สูงอายุเส้นเอ็นต่างๆ จะเสื่อมสภาพไปตามวัย นอกจากนั้น กระดูกบริเวณเหนือไหล่ก็หนาตัวขึ้น เมื่อมีการเคลื่อนไหวของหัวไหล่เส้นเอ็นก็จะเคลื่อนที่ไปมา แล้วก็จะมีการเสียดสีของเส้นเอ็นกับของกระดูก ซึ่งถ้าให้เปรียบเทียบจะเหมือนกับการดึงเชือกเสียดสีกับโขดหินเมื่อเสียดสีไปเรื่อย ๆ ก็จะทำให้เส้นเอ็นมีการฉีกขาดได้ในที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องมีอุบัติเหตุที่รุนแรง
อาการปวดของเอ็นหัวไหล่จะมีอาการปวดที่บริเวณด้านข้างหัวไหล่ อาจจะมีร้าวลงมาที่บริเวณข้อศอก เวลายกหรือกางหัวไหล่ออกด้านข้างจะทำให้ปวดมากขึ้น  ใส่เสื้อยืดลำบาก ติดเสื้อชั้นในลำบาก ตอนกลางคืนเวลานอนอาจมีอาการปวดเพิ่มขึ้น ถ้านอนตะแคงเอาไหล่ข้างที่เจ็บลงจะมีอาการปวด 
วิธีการดูแลรักษาเบื้องต้น ควรหลีกเลี่ยงการยกหรือสะพายของหนักๆ หลีกเลี่ยงการยกกางแขนด้านข้าง บริหารออกกำลังเส้นเอ็นหัวไหล่ให้แข็งแรง เป็นประจำทุกวัน  จากนั้นคอยสังเกตอาการเป็นเวลา 4 - 6 เดือน ถ้าอาการปวดไหล่
โดยแพทย์จะทำการตรวจร่างกายโดยละเอียด ถ้าตรวจพบลักษณะที่บ่งบอกถึงอาการฉีกขาดของเส้นเอ็นหัวไหล่ แพทย์จะทำการส่งเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (MRI)  จาก MRI จะเห็นได้ว่าเส้นเอ็นไหล่นั้น มีการฉีกขาดมากน้อยแค่ไหน เพื่อบอกแนวทางการรักษาขั้นต่อไป ซึ่งถ้าเส้นเอ็นฉีกขาดแค่เล็กน้อยก็จะให้ทำการบริหารต่อไป แต่ถ้าพบว่าเส้นเอ็นฉีกขาดมีขนาดใหญ่ จำเป็นที่จะต้องทำการผ่าตัดเย็บซ่อม เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้เส้นเอ็นจะฉีกขาดเพิ่มขึ้นจนอาจซ่อมแซมไม่ได้และทำให้ข้อไหล่เสื่อม หรือยกแขนไม่ขึ้นในที่สุด                  
สำหรับวิธีการผ่าตัดเย็บซ่อมเอ็นไหล่นั้นปัจจุบันใช้การผ่าตัดแบบส่องกล้องเป็นหลัก แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กประมาณ 1 เซนติเมตร แล้วใช้เครื่องมือเข้าไปเย็บซ่อมเส้นเอ็น อาการปวดน้อยกว่าผ่าตัดแบบเปิด และสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่า สามารถดูรอยแผลต่างๆและเย็บซ่อม ได้ทั่วถึงกว่าการผ่าตัดแบบเปิด
อย่างไรก็ตามถ้าไม่อยากให้เส้นเอ็นไหล่มีการฉีกขาด ควรบริหารเส้นเอ็นหัวไหล่สม่ำเสมอ เพื่อให้เส้นเอ็นมีความแข็งแรงและยืดหยุ่น  ควรระมัดระวังกิจกรรมที่มีการเหวี่ยง หรือกระชาก ที่หัวไหล่ ถ้าจะออกกำลังกายโดยการแกว่งแขน ควรทำด้วยความระมัดระวัง ทำอย่างช้าๆ อย่าทำรุนแรงจนเกินไป
นพ.ชัชพล ธนารักษ์ศัลยแพทย์โรคกระดูกและข้อทั่วไปโรงพยาบาลเวชธานี ลาดพร้าว 111

5 วิธีออกกำลังกาย
เพื่อลดน้ำหนักผิดๆ ที่คนมักไม่รู้ตัว

5 วิธีออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักผิดๆ ที่คนมักไม่รู้ตัว
เทรนด์สุขภาพในตอนนี้ นอกจากอาหารคลีนแล้ว ก็ยังมีการออกกำลังกายนี่แหละค่ะที่ชาวหนุ่มสาวกำลังอินเทรนด์กันอยู่ ถึงแม้เรื่องออกกำลังกายจะเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ แต่กลับไม่ใช่ทุกคนที่จะออกกำลังกายแล้วเห็นผล ทั้งในเรื่องของการลดน้ำหนัก และความแข็งแรงของร่างกาย ฟิตแอนด์เฟิร์มของจริง เป็นเพราะอะไร 
วิธีออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักผิดๆ ที่คนมักไม่รู้ตัว
1. ไม่ทานอาหารที่ให้พลังงานก่อนออกกำลังกาย
บางคนบ้าออกกำลังกายมาก เพื่อให้รูปร่างเล็กลง น้ำหนักลดลง จึงพยายามควบคุมปริมาณอาหารที่ทานเข้าไป และไปออกกำลังกายหนักๆ ด้วยเข้าใจว่าจะ “เบิร์น” เอาพลังงานที่ทานเกินเข้าไปออกให้หมด แต่ทราบหรือไม่ว่า หากไม่ทานอาหารที่ให้พลังงานกับร่างกายเลย แล้วไปออกกำลังกายหนักๆ นอกจากจะมีสิทธิ์เป็นลมเป็นแล้งไปได้แล้ว ยังอาจเสี่ยงเป็นโรคขาดสารอาหารในระยะยาวอีกด้วย และบอกได้เลยว่าร่างกายรวนแน่ๆ
เพราะฉะนั้นทานอาหารให้หลากหลาย ทานอาหารให้ครบทุกหมู่ เพียงแต่จำกัดปริมาณให้ดี แล้วค่อยออกกำลังกายดีกว่าค่ะ
2. ออกกำลังกายท่าเดียว
เคยเห็นคนที่ไปออกกำลังกายที่ฟิตเนส แล้วเอาแต่ยกเวทหรือเปล่าคะ หากเขาลุกไปเล่นเครื่องออกกำลังกายอื่นๆ ด้วยก็ดีไป แต่ถ้าเห็นเขาเล่นแต่แขนอย่างเดียว หรือกล้ามเนื้อท้องอย่างเดียว ต้องเตือนเขาแล้วล่ะ เพราะการออกกำลังกายเพื่อความแข็งแรงของร่างกายอย่างแท้จริง ต้องออกกำลังกายให้ได้ทุกส่วน ทั้งแขน ขา หน้าท้อง สะโพก หรือส่วนอื่นๆ ด้วย ถ้าหน้าท้องมีซิกแพค แต่แขนขาไม่เฟิร์มก็คงแปลกๆ ดังนั้นพยายามออกกำลังกายให้ครบทุกส่วนนะคะ
 3. คาร์ดิโอมากเกินไป
มีอีกบางจำพวกที่เอาแต่วิ่งๆ กระโดดๆ ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน กระตุ้นให้ร่างกายเหนื่อยหอบ หัวใจเต้นอยู่ตลอดเวลา หากเล่นคาร์ดิโอเพื่อเบิร์นหนักๆ ร่างกายจะเริ่มปรับตัวให้คุ้นชินกับการเบิร์นในแบบนั้น จากที่เคยใช้เวลา 30 นาที เพื่อเบิร์น 200 กิโลแคลอรี่ หากร่างกายปรับตัวเมื่อไร เราอาจจะวิ่งได้นานขึ้น เหนื่อยน้อยลง แต่เผาผลาญพลังงานเท่าเดิม ดังนั้น เราควรออกกำลังกายแบบอื่นๆ สลับกันไปเรื่อยๆ อย่าให้ร่างกายคุ้นชินกับคาร์ดิโอมากเกินไป
 4. ไม่วอล์มอัพ-คูลดาวน์
หลายคนไม่เห็นความสำคัญของการวอร์มร่างกายก่อนออกกำลังกาย และลืมที่จะคูลดาวน์หลังออกกำลังกายด้วย แต่รู้หรือไม่ว่าทั้งสองอย่างนี้มีความสำคัญต่อร่างกายมากๆ เพราะการวอล์มอัพ และคูลดาวน์เป็นการช่วยลดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้ดี นอกจากนี้ยังเป็นการวอล์มกล้ามเนื้อหัวใจ ให้เต้นเป็นจังหวะ ไม่เร่งเร้าการสูบฉีดโลหิตมากเกินไป ลดอาการเหนื่อยหอบอย่างเฉียบพลัน หรือหน้ามืดจากการออกกำลังกายได้มากขึ้นอีกด้วย
 5. นับแคลอรี่เป็นบ้าเป็นหลัง
จะกินอะไรก็นั่งนับอย่างละเอียด หยิบเครื่องคิดเลขมานั่งกดๆ เกินไป 10 กิโลแคลอรี่ก็จะไม่กิน แบบนี้เรียกว่าเคร่งครัดเกินไป ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาทางสุขภาพจิตได้ในภายหลัง ทางที่ดีควรทานอย่างระมัดระวัง ทานพออิ่ม เลือกประเภทของอาหารที่ทาน มีสติว่าวันนี้ทานอะไรไปบ้าง ควรหรือไม่ควรทานต่อ แล้วออกกำลังกายตามปกติ ทำเป็นประจำทุกวัน เท่านี้ก็ไม่ต้องนับแคลอรี่ให้วุ่นวาย นอกจากจำนวนแคลอรี่จะไม่ได้เท่ากันทุกจาน ทุกมื้ออย่างที่เข้าใจแล้ว หากกลางวันทานเยอะแล้ว แก้ปัญหาด้วยการไม่ทานอาหารเย็นเลย ก็อาจเสี่ยงเป็นโรคกระเพาะในอนาคตได้ 
ทั้งนี้ทั้งนั้น หากอยากออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักอย่างเห็นผล แต่ไม่แน่ใจในท่าออกกำลังกาย หรือการทานอาหาร เพื่อความปลอดภัยของร่างกายเราเอง คุณสามารถขอรับคำปรึกาจากนักโภชนาการ และเทรนเนอร์ประจำฟิตเนสได้ค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2559


นมดีๆ ไม่ได้มีแค่นมวัว ทางเลือกใหม่ของคนรักสุขภาพ


นมดีๆ ไม่ได้มีแค่นมวัว ทางเลือกใหม่ของคนรักสุขภาพ
ใครๆ ก็บอกว่านมมีประโยชน์ เป็นแหล่งแคลเซียม และโปรตีนที่ช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง แต่หลายคนดันแพ้นมวัวเสียนี่ ช้าก่อนค่ะ... อย่าเพิ่งเสียใจไป ยังมีนมอีกหลายชนิดที่เราอยากให้ลอง รับรองว่ามีประโยชน์ไม่แพ้นมวัวเลยแหละ
1. นมแพะ
น่าจะเคยได้ยินกันมาบ้างสำหรับนมแพะ เพราะเหล่าคุณแม่ต่างให้การยอมรับว่า นมแพะมีความใกล้เคียงกับนมแม่มากกว่านมผง และนมวัว เพราะมีโปรตีนประเภทเดียวกับนมแม่มากที่สุด นอกจากนี้นมแพะยัทำให้ลูกรักตัวเล็ก เกิดอาการท้องอืดท้องเฟ้อน้อยกว่า มีโปรตีนที่ย่อยง่าย มากกว่าโรตีนประเภทที่ย่อยยากกว่านมวัวถึง 8 เท่าอีกด้วย
2. นมจากเนื้อไก่
อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ เป็นนมที่สกัดมาจากเนื้อไก่จริงๆ โดยนอกจากจะสกัดจากเนื้อไก่แล้ว ยังมีการเติมสารอาหารที่จำเป็นสำหรับทารกเพิ่มลงไปอีกด้วย เหมาะสำหรับเด็กที่แพ้นมวัวอย่างแท้จริง โดยทางศิริราชสามารถคิดค้นนมจากเนื้อไก่ได้เป็นผลสำเร็จ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับเด็กที่ป่วยเป็นโรคแพ้โปรตีนนมวัว ที่น่าภูมิใจมากกว่านั้นคือเป็นการผลิตนมจากเนื้อไก่ครั้งแรกของโลกอีกด้วยนะ ทีมแพทย์บ้านเราไม่แพ้ชาติไหนจริงๆ
 3. นมถั่วเหลือง
ไม่ชอบนมวัว ก็หันมาดื่มนมถั่วเหลืองสิ ง่ายจะตาย ช่วงเจจะได้รับความนิยมเป็นพิเศษ นอกจากนมถั่วเหลืองสมัยนี้จะมีให้เลือกหลายสูตร ตั้งแต่สูตรดั้งเดิม สูตรไม่มีน้ำตาล สูตรผสมลูกเดือย งาดำ และอื่นๆ อีกเพียบแล้ว หากใครอยากดื่มนมราคาถูก ให้ความรู้สึกเหมือนทานขนมหวานย่อมๆ จะเลือกเป็นน้ำเต้าหู้ก็ได้ค่ะ
 4. นมอัลมอนด์
นมอัลมอนด์เป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนที่เป็นโณคเบาหวานมากค่ะ เพราะนมอัลมอนด์มีไขมันดี ช่วยลดระดับไขมันชนิดเลวในร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจ คอเลสเตอรอลสูง ช่วยเสริมสร้างสมอง มีวิตามิน B, E สารต้านอนุมูลอิสระ และโฟลิค ที่ดีต่อคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อีกด้วย
 5. นมควาย
หลายคนอาจสงสัยว่ามีเหรอ นมควาย มีจริงๆ ค่ะ แถมยังมีคุณค่าทางสารอาหารมากกว่านมวัวอีกต่างหาก นอกจากนี้ใครที่ไม่ชอบกลิ่นคาวนิดๆ ของนมแพะ นมควายรับรองดื่มง่ายกว่าเยอะ นอกจากจะมีไขมันดีมากกว่านมวัวถึง 2 เท่าแล้ว ยังมีคอเลสเตอรอลต่ำกว่าด้วย แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกต่างหาก นอกจากนี้ฝรั่งจะนำนมควายมาทำเป็นชีสโรยหน้าพิซซ่า เพราะนอกจากนมควายสีขาวกว่านมวัวที่มีสีออกเหลืองแล้ว ยังแคลเซียมมากกว่า ให้พลังงานมากกว่า และรสชาติของชีสนมควายดีกว่าชีสนมวัวอีกด้วย
              เลือกได้แล้ว ก็ลองดื่มนมจากแหล่งอื่นๆ นอกจากวัวดูบ้างก็ได้นะคะ จะได้รับคุณค่าทางสารอาหารแตกต่างกันไป ไม่แน่ว่าอาจจะติดใจ หนีไปซบอกนมอื่นถาวรไปเลยก็ได้นะ


ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก theasianparent.comthaigoatproduct.comคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ภาพประกอบจาก istockphoto